รีวิวหนังสือ: แสบ (Dangerous Mind) โดย โหวเหวินหย่ง

ในใจของผมคือต้นกระบองเพชรชัด ๆ ไม่ว่าผมจะพยายามพูดอะไร เขียนอะไร หรือวาดอะไร สุดท้ายพวกมันต่างกลายเป็นหนามแหลม ทิ่มตำผู้อื่นให้ร้องโอดโอย

แสบ เป็นนิยายแปลจากไต้หวัน เขียนโดย โหวเหวินหย่ง แพทย์และนักเขียนเจ้าของรางวัล Taiwan Best Seller Public Novel เรื่องราวเริ่มต้นจากเหตุการณ์
เล็ก ๆ ในห้องเรียนระดับมัธยม แต่ค่อย ๆ ขยายวงกว้างจนกลายเป็นประเด็นใหญ่ทางสังคมในระดับประเทศ

ตัวเอกคือ เซี่ยเจิ้งเจี๋ย หรือ เสี่ยวเจี๋ย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่กำลังอยู่ในช่วงเตรียมสอบโอเน็ต ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต แต่กลับถูกลงโทษจากการอ่านการ์ตูนในห้องเรียน ครูประจำชั้นสั่งให้เขาไปนั่งเรียนนอกห้องเรียนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เหตุการณ์ที่ดูเหมือนเล็กน้อยนี้กลับลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่บานปลายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด

สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ทั้งอบอุ่นและเจ็บปวดไปพร้อมกันคือหลาย ๆ เหตุการณ์ในเรื่องชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่เราเคยเจอด้วยตัวเอง หรือภาพของเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมโรงเรียนที่เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมา ทั้งการแอบอ่านการ์ตูนในห้องเรียน การถูกคุณครูทำโทษ การถูกเรียกเข้าห้องปกครอง การเรียนพิเศษกับครูหลังเลิกเรียน หรือการต้องพูดหน้าชั้นเรียน รวมถึงความรู้สึกกดดันลึก ๆ ที่ไม่รู้จะระบายกับใครดี ไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อนหรือแม้แต่คนในครอบครัว

ผู้เขียนถ่ายทอดเรื่องราวได้ทรงพลังและชวนติดตามจนเดาตอนจบไม่ถูก ที่สำคัญคือทำให้เราเห็นภาพของ “เหยื่อจากระบบการศึกษา” อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องยัดเยียดคำสอนใด ๆ ให้กับผู้อ่าน ซึ่งเหยื่อในระบบการศึกษาไม่ได้มีแค่เด็กนักเรียน แต่รวมถึงผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ครู ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่โรงเรียน หรือผู้ที่ทำงานในแวดวงการศึกษา

ระหว่างอ่าน มีช่วงหนึ่งที่ภาพเหตุการณ์การสลายการชุมนุมในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2564 ที่ผู้ชุมนุมส่วนมากคือนักเรียนนักศึกษาซ้อนทับขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ มันชวนให้ย้อนมองว่าระบบการศึกษาที่ควรโอบอุ้มเด็ก ๆ กลับทำให้ความสดใสในวัยเรียนค่อย ๆ ถูกกลืนกินไปกับความกดดันจากการสอบแข่งขัน การท่องจำหนังสือ และความคาดหวัง จนเกิดคำถามในใจเช่นเดียวกับเสี่ยวเจี๋ยว่า เหตุใดโรงเรียนจึงไม่อาจเป็น “บ้านหลังที่สอง” ที่ทำให้เราอยากไปในทุก ๆ วันได้

สำหรับเรา แสบ คือหนังสือที่เล่าเรื่องของเด็ก แต่เขียนขึ้นเพื่อให้ผู้ใหญ่อ่าน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในแวดวงการศึกษา เป็นการชวนให้หยุดฟังเสียงเล็ก ๆ ของเด็ก ๆ อย่างตั้งใจมากยิ่งขึ้น เพื่อมองให้รับรู้ถึงปัญหา ทำความเข้าใจ และร่วมกันหาทางออกให้กับเยาวชนของชาติ

แม้หนังสือเล่มนี้จะไม่ได้หนามาก แต่บางช่วงกลับหนักหน่วงทางอารมณ์จนต้องวางพักเป็นระยะ แล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ ความหน่วงนี้ไม่ได้เกิดจากความยากในการอ่าน แต่มาจากการที่เรื่องราวสะท้อนชีวิตจริงได้ชัดเจนและสมจริงใจเป็นอย่างมาก เป็นหนังสือที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองอ่านสักครั้ง เพื่อทำความเข้าใจโลกของเด็ก ๆ และย้อนมองระบบการศึกษาที่เราทุกคนต่างเคยเป็นส่วนหนึ่งของมัน

Leave a comment

About Me

I’m Jane, the creator and author behind this blog. I’m a minimalist and simple living enthusiast who has dedicated her life to living with less and finding joy in the simple things.