countable and uncountable nouns คืออะไร?

count แปลว่า นับ, able แปลว่า สามารถทำได้, count + able = countable แปลว่า สามารถนับได้ เพราะฉะนั้น countable nouns จึงมีความหมายว่า คำนามที่สามารถนับได้ หรือ คำนามนับได้ นั้นเอง

เช่นเดียวกับ uncountable nouns เมื่อเราใส่ un- ไว้หน้าคำศัพท์ใด ๆ จะมีความหมายว่าไม่ ทำให้มีความหมายตรงข้ามกับคำเดิม ดังนั้น uncountable nouns จึงมีความหมายว่า คำนามนับไม่ได้

รู้หรือไม่ว่าคำนามในภาษาอังกฤษไม่ใช่คำนามที่นับได้ทุกคำ การที่เราสามารถแยกได้ว่าคำนามกลุ่มไหนเป็นคำนามนับได้ (countable nouns) และคำนามกลุ่มไหนเป็นคำนามนับไม่ได้ (uncountable nouns) สามารถช่วยให้เราใช้หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ดีและถูกต้องมากยิ่งขึ้น เพราะเนื้อหาเกี่ยวกับ countable nouns กับ uncountable nouns นั้นเชื่อมโยงกับเนื้อหาอื่น ๆ อีกหลาย ๆ เรื่อง หากเราไม่เข้าใจเนื้อหาส่วนนี้ให้ดี จะทำให้ยากที่จะนำไปใช้กับเรื่องอื่นๆให้ถูกต้องเช่นกัน

countable nouns

countable nouns

คำนามนับได้

countable nouns คือ คำนามที่เราสามารถนับเป็นจำนวน 1, 2, 3, 4, ____ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ หรือจับต้องไม่ได้ ดังนี้

  • สิ่งที่จับต้องได้ เช่น glass (แก้ว), table (โต๊ะ), chair (เก้าอี้), book (หนังสือ), dog (หมา), cat (แมว), clock (นาฬิกา), ring (แหวน), banana (กล้วย), orange (ส้ม) etc.
  • สิ่งที่จับต้องไม่ได้ (แต่สามารถนับได้) เช่น song (เพลง), day (วัน), month (เดือน), year (ปี), hour (ชั่วโมง), minute (นาที), age (อายุ), hobby (งานอดิเรก), activity (กิจกรรม), assignment (งานที่ได้รับมอบหมาย), job (งาน), country (ประเทศ) etc.

ข้อสังเกต

  • countable nouns สามารถอยู่ได้ทั้งในรูปเอกพจน์ (singular) และพหูพจน์ (plural) เช่น glass – glasses , table – tables, chair – chairs, book – books, dog – dogs, cat – cats, clock – clocks, ring – rings, banana – bananas, orange – oranges, song – songs, day – days, month – months, year – years, hour – hour, minute – minutes,  age – ages, hobby – hobbies, activity – activities, assignment – assignments, job – jobs, country – countries etc.
  • countable nouns บางคำมีรูปที่เป็นเอกพจน์กับพหูจน์ต่างกัน เช่น man (ผู้ชายคนเดียว) – men (ผู้ชายหลายคน), woman (ผู้หญิงคนเดียว) – women (ผู้หญิงหลายคน), child (เด็กคนเดียว) – children (เด็กหลายคน), person (คนๆเดียว) – (คนหลายคน) etc.
  • เราต้องใช้คำนำหน้า เช่น a/an/the/this/that/my เป็นต้น นำหน้านามนับได้ที่เป็นเอกพจน์ (single countable nouns) เสมอ ไม่สามารถใช้โดด ๆ คำเดียวได้ เช่น a glass, my book, her dog, his clock, an orange, that song, a day, an hour, an activity etc.
  • สำหรับนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ (plural countable nouns) เราสามารถใช้โดด ๆ คำเดียวได้ หรือจะใส่คำนำหน้าด้วยก็ได้

uncountable nouns

uncountable nouns

คำนามนับไม่ได้

uncountable nouns ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสิ่งที่มันเล็กมาก ยากที่จะนับให้หมด อาจจะเป็นสิ่งของที่อยู่ในภาพรวมใหญ่มากหรือเป็นแนวความคิด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะมานั่งแบ่งแยกออกได้ ถึงแม้ว่าคำบางคำอาจจะเป็นนามนับได้ในภาษาอื่น แต่ในภาษาอังกฤษคำพวกนี้คือนามนับไม่ได้

โดยทั่วไปแล้ว uncountable nouns จะอยู่ในรูปเอกพจน์ (singular) เสมอ (ไม่สามารถเติม s, es ตามหลังคำนามนั้น ๆ ได้) นอกจากนี้ มันจะมี uncountable nouns บางคำที่ลงท้ายด้วย s แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีความหมายเป็นพหูพจน์ เช่น news, politics, economics เป็นต้น  เพราะฉะนั้น อย่าสับสนกับการนำไปใช้

uncountable nouns ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ของเหลวและก๊าซ เช่น milk (นม), water (น้ำ), coffee (กาแฟ), tea (ชา), wine (ไวน์), air (อากาศ), oxygen (อ็อกซิเจน), ink (หมึก)
  • ของแข็งและสสารที่เป็นพวกเม็ดเล็กๆ เช่น bread (ขนมปัง), soap (สบู่), gold (ทอง), copper (ทองแดง), metal (โลหะ), wood (ไม้),  sugar (น้ำตาล), salt (เกลือ), sand (ทราย), rice (ข้าว), powder (แป้ง)
  • สสารที่เปลี่ยนรูปได้ เช่น cheese, butter, ice-cream
  • ชื่อวิชา เช่น mathematics (คณิตศาสตร์), economics (เศรษฐศาสตร์), science (วิทยาศาสตร์), biology (ชีววิทยา), French (ภาษาฝรั่งเศส), psychology (จิตวิทยา)
  • ชื่อภาษา เช่น Thai (ภาษาไทย), English (ภาษาอังกฤษ), Malay (ภาษามลายู), Chinese (ภาษาจีน), German (ภาษาเยอรมัน), Spanish (ภาษาสเปน), Japanese (ภาษาญี่ปุ่น)
  • แรงและพลังงาน เช่น heat (ความร้อน), electricity (ไฟฟ้า), sunshine (แสงแดด), radiation (รังสี), magnetism (อำนาจแม่เหล็ก)
  • ข้อมูลและแนวคิดที่เป็นนามธรรม เช่น information (ข้อมูล), news (ข่าวสาร), education (การศึกษา), politics (การเมือง), democracy (ประชาธิปไตย), intelligence (สติปัญญา/ความเฉลียวฉลาด), advice (คำแนะนำ), knowledge (ความรู้), research (งานวิจัย), love (ความรัก), fear (ความหวาดกลัว), anger (ความโกรธ), beauty (ความสวยงาม), safety (ความปลอดภัย)
  • ชื่อกีฬาและกิจกรรมต่างๆ เช่น football (ฟุตบอล), tennis (เทนนิส), basketball (บาสเก็ตบอล), fishing (ตกปลา), camping (การอยู่ค่ายพักแรม)
  • แนวคิดภาพรวมของสิ่งของกลุ่มใหญ่ เช่น fruit (ผลไม้), food (อาหาร), money (เงิน), furniture (เฟอร์นิเจอร์ – เป็นภาพรวมของเครื่องตกแต่งบ้านต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้), garbage (ขยะ), crockery (เครื่องถ้วยชาม-เป็นภาพรวมของจาน ชาม ถ้วยต่างๆ), luggage/baggage (กระเป๋าเดินทาง)

เราสามารถทำ uncountable nouns ให้เป็น countable nouns ได้ โดยการใส่จำนวน+ภาชนะ/น้ำหนัก/ลักษณนามให้กับคำศัพท์นั้น ๆ เช่น

  • a cup of tea / two cups of tea    ชา 1 ถ้วย /ชา 2 ถ้วย
  • a glass of water / two glasses of water    น้ำ 1 แก้ว /น้ำ 2 แก้ว
  • a bottle of wine / two bottles of wine    ไวน์ 1 ขวด / ไวน์ 2 ขวด
  • a bar of soap / two bars of soap    สบู่ 1 ก้อน / สบู่ 2 ก้อน
  • a cone of ice-cream / two cones of ice-cream   ไอศกรีม 1 โคน / ไอศกรีม 2 โคน
  • a spoon of salt / two spoons of salt    เกลือ 1 ช้อน / เกลือ 2 ช้อน
  • a kilo of sugar / two kilos of sugar    น้ำตาล 1 กิโล / น้ำตาล 2 กิโล
  • a slice of bread / two slices of bread   ขนมปัง 1 ชิ้น /ขนมปัง 2 ชิ้น

จะเห็นได้ว่าเมื่อเราใส่ลักษณนามเพื่อทำให้ uncountable nouns กลายเป็น countable nouns ได้แล้ว หากเราต้องการทำให้อยู่ในรูปพหูพจน์ เราต้องเติม s หรือ es หลังลักษณนามนั้น ๆ เราไม่สามารถเติม s หรือ es หลัง uncountable ได้ เพราะ uncountable nouns จะอยู่ในรูปของเอกพจน์เสมอ

เพิ่มเติม: มีศัพท์บางคำเป็นได้ทั้ง countable nouns และ uncountable nouns เพราะศัพท์นั้น ๆ มีรูปเดียวกันแต่มีความหมายต่างกัน เช่น light ถ้าแปลว่า โคมไฟ จะเป็นนามนับได้ (สามารถเติม s ได้ถ้าเป็นพหูพจน์) แต่ถ้าแปลว่า แสงสว่าง จะเป็นนามนับไม่ได้ (รูปเอกพจน์เพียงอย่างเดียว)

ตัวอย่างลิงค์แบบทดสอบเกี่ยวกับ countable vs uncountable nouns:

Leave a comment

About Me

I’m Jane, the creator and author behind this blog. I’m a minimalist and simple living enthusiast who has dedicated her life to living with less and finding joy in the simple things.